ประวัติความเป็นมาฯ

มัสยิดอิสลามียาตุลอาลีมียะหฺ์ คือชื่อเดิมที่ได้รับการจดทะเบียนอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๒๖ ก่อนที่จะได้มีการเปลี่ยนเเปลงเป็นชื่อ อัล-อิสลามียะห์ ด้วยเหตุผลของความหมาย เเละการเขียนที่มีตวามยาวมากเกินไป จึงได้ตัดคำบางคำออกไป เพื่อสะดวกเเละง่านต่อการจดจำ
ในอดีตเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕o๘ ชุมชนบ้านอาเส็นมีราษฎรอาศัย ชาย-หญิง รวมประมาณ ๕o-๖o คน เเละเเต่ละบ้านอยู่กันห่างไกล การสัญจรค่อนข้างลำบากพอสมควรโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่จะประกอบพิธีกรรม หรือปฏิบัติศาสนกิจในศาสนาไม่สะดวกเท่าที่ควรทางชุมชน เเละชาวบ้านสมัยนั้นจึงมีการนัดประชุมปรึกษาหารือเกี่ยวกับสถานที่เพื่อสะดวกในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เเละการปฏิบัิศาสนกิจผลจากการประชุมในครั้งนั้น ส่งผลให้มีการก่อสร้าง "บาลาเซาะ" หรือที่เรียกว่า "สุหรา" เป็นเเห่งเเรกในหมู่บ้าน จากนั้นก็พยายามเเสวงหาบุคคลที่มีดวามรู้ ความสามารถ มีความเป็นผู้นำทางศาสนาที่เรียกว่า "อิหม่าม" เพื่อยำพาชุมชนสู่สังคมที่ดีในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะการประกอบพิธีกรรม เเละการปฏิบัติศาสนกิจตามหลักการของศาสนา ที่มีบทบัญญัติ ซึ่งในปีพุทธศักราช ๒๕๑o ในขณะนั้น ชาวบ้านทุกคนมีตวามเห็นชอบตามมติในที่ประชุมเเต่งตั้งให้ นายหะยีดาโอะ ตาเยาะ เป็นผู้ี่มีความรู้ ความสามารถและมีความเหมาะสม ในการดำรงตำเเหน่งอิหม่ามเป็นคนเเรกของหมู่บ้านอย่างไม่เป็นทางการ และเป็นบุคคลที่สามารถนำละหมาดวันศุกร์ได้ ซึ่งในขณะนั้นมีประชากรอยู่ประมาณ ๕o คนที่เป็นผู้ชาย เป็นเวลา ๕ ปีที่ นายหยีดาโอะ ตาเยาะ เป็นอิหม่าม ก่อนที่จะลาออกด้วยเหตุผลทางสุขภาพ เเละได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา
ในอีกสองปีถัดมาก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตทางชาวบ้านได้มีการประชุมร่วมกันเเละมีมติเห็นชอบให้เเต่งตั้ง นายหะยียูโซะ กีละ เข้าดำรงตำเเหน่งเป็นอิหม่าน เป็นคนถัดมา ของหมู่บ้านเเละปีพุทธศักราช ๒๕๑๕ ในช่วงการดำรงตำเเหน่งอิหม่าม นายหะยียูโซะ กีละ ได้มีการประชุมเพื่อเปลี่ยนเเปลงจาก "บาลาเซาะ" หรือที่เรียกว่า "สุหรา" ให้เป็นมัสยิดด้วยปัจจัยหลายๆด้าน
ในปีพุทธศักราช ๒๕๒๕ ก็ได้เริ่มต้นก่อสร้างมัสยิด ที่มีชื่อว่า " มัสยิดอิสลามียาตุลอาลีมียะห์ " เป็นเเห่งเเรกในหมู่บ้านอาเส็น จากวบประมาณในการส่งเสริม สนับสนุน ของชาวบ้านกันเองจนเป็นรูปเป็นร่าง พอที่จะประกอบพิธีกรรม เเละปฏิบัติศาสนกิจหลายๆ อย่างมากขึ้น จนต่อมาอีก ๒-๓ ปี ทางชาวบ้านได้มีการประชุมกันหลายๆฝ่าน เพื่อจัดหารายได้สมทบทุน ในการบูรณะ ซ่อมเเซม เเละต่อเติมมัสยิดให้เเล้วเสร็จสมบูรณ์กว่าที่เป็นมาอยู่ก่อนหน้านี้ จนในที่สุดการก่อสร้างเเละเปลี่ยนชื่อเป็น "มัสยิด อัล-อิสลามียะห์" สร้างความพึงพอใจเเละเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้านทุกคน จนในปีพุทธศักราช ๒๕๓๓ ได้มีการเปลี่ยนเเปลงอิหม่ามเป็นคนที่ ๓ หลังจากที่นายหะยียูโซะ กีละ ได้เสียชีวิตลง
ในปีพุทธศักราช ๒๕๓๓ ได้มีการสรรหาบุคคลที่จะมาเป็นอิหม่ามคนที่ ๓ เกิดขึ้นหลังมีการประชุม ได้มีมติให้ นายหะยีอุสมาน ยูโซ๊ะ เข้ามารัยดำรงตำเเหน่งอิหม่ามในเวลาต่อมาตลอดจนถึงปัจจุบัน
จากการเปลี่ยนเเปลงผู้บริหารมัสยิดอัล-อิสลามียะห์ ถึง ๓ ครั้ง ๓ คน ปัจจุบันสามารถมองเห็นถึงการเปลี่ยนเเปลงอย่างเห็นได้ชัดในหลายๆ ด้าน ทั้งในด้านอาคาร สถานที่ บริเวณรอบๆ ภายในเเละภายนอก โดยมีกรรมการมัสยิด จำนวน ๑๕ คนซึ่งเเบ่งหน้าที่เเละรับผิดชแบให้เเต่งละคน เเต่ละฝ่าย ทั้งนั้นเพื่อให้มีการพัฒนาที่ยั่งยืนนำพาสังคมให้เกิดความรัก ความสามัคคี ปรองดอง สมานฉันท์ เเละสันติสุขตลอดไป